Title : You can’t hide from me.
Pairing : Eli Clark x Naib Subedar #Divinary
Rate : R-18
Detail : ตอนต่อจากฟิค The man who's can't hideเป็นเหตุการณ์สั้นๆต่อจากความเดิมครับ ขอให้สนุกน้า <3
________________________________________
แม้ภาพลักษณ์ของนาอิบ ซูบีดาร์จะถือว่าเป็นเด็กดีในโอวาทหากไม่มีใครใส่ใจกับการมีฟันสีทองตรงซี่กรามด้านในซึ่งมาจากการสูญเสียหลังสงครามหรือกระทั่งการเจาะหูสองข้าง เขาคล้ายกับวัยรุ่นทั่วไปถ้าเพียงแค่อายุจริงจะห่างไกลช่วงนั้นไปมากโข ทว่าประเด็นหลักคือเจ้าตัวกลับมีเป้าหมายอันแสนเรียบง่าย ต่างจากอิไล คลาร์กผู้มีปณิธานเกี่ยวกับครอบครัวและการแต่งงาน
อดีตคู่หมั้นอกหักต่อสาวคนรักเพราะความยากจนนั่งอยู่ตรงกันข้ามร่างเพรียว ท่ามกลางห้องแสงสลัวจากเปลวเทียน ตำราเกี่ยวกับศาสตร์ลึกลับและกลิ่นสมุนไพรแปลกประหลาดอบอวล ในยามนี้ในกรงนกฮูกว่างเปล่าเพราะเป็นเพลากลางคืน เหมาะกับการปล่อยเจ้าอ้วนกลมออกไปหากินข้างนอกแม้อิไลจะชอบควบคุมอาหารการกินให้ แต่อย่างน้อยก็เป็นการฝึกด้วยตนเองอย่างหนึ่ง
“เคยดื่มหรือเปล่าล่ะ?”
“เคยสิ เรื่องปกติของผู้ชายวัยนี้ครับ”
ร่างสูงกว่าคลี่ยิ้มจางเมื่อใต้ผ้าปิดตาสะท้อนภาพเรือนลางของขวดแอลกอฮอลล์ฤทธิ์แรงตรงหน้า มันคือวอดก้าเพียวซึ่งราคาไม่ได้แรงมากนัก หลังจากเกมล่าดำเนินนานวัน สิ่งของและอาหารก็พร้อมเพรียงเพื่อฉุดรั้งผู้ร่วมเกมเอาไว้ดุจกรงสัตว์ขนาดใหญ่สำหรับชนชั้นสูงอย่างเจ้าของที่นี่
นาอิบมาพร้อมกับเจ้าขวดวอดก้านั่นพร้อมกันรินมันลงแก้วอย่างหน้าตาเฉย ความจริงเกี่ยวกับเรื่องความผ่อนคลายในสังคมชนชั้นรากหญ้าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ อย่างน้อยการดื่มสุราได้ช่วยให้ผ่อนคลายและมึนเมา หวังลืมเลือนเรื่องสะเทือนใจไปบ้าง
ทหารหนุ่มเข้าใจว่าเพราะอาการอกหักของอิไลอาจทำให้อะไรแย่ลง นี่เป็นการปลอบใจในแบบของเขา เวลานี้คือฤดูหนาวซึ่งเหมาะกับการดื่มของร้อน รวมไปถึงสุราตรงหน้า แก้วสองแก้วยกขึ้นมาและปะทะกันเป็นสัญญาณดื่ม
“ให้วันที่เลวร้ายจบลงสักวันหนึ่ง”
สำหรับคนรักเพื่อนแต่ไม่เก่งการมอบขวัญกำลังใจ นาอิบจึงทำได้เพียงเป็นเพื่อนดื่ม ค่ำคืนแสนเรียบง่ายหมดไปกับการจิบของมึนเมา การพูดคุยเริ่มต้นคละเคล้าไปกับเสียงเคี้ยวถั่วคลุกเกลือสูตรง่ายแบบฉบับคนอินเดียซึ่งทหารหนุ่มเคยคลุกคลีมาด้วย ทั้งคู่ต่างก็เป็นคนง่ายๆไม่ต่างกัน ดังนั้นบทสนทนาถูกคอและอาหารการกินถูกปากจึงเริ่มต้น
ความยาวของเทียนในห้องสั้นลงจนแทบมอดดับ สองร่างนั่งอยู่บนเตียงขณะนั่งพิงอิงแอบไหล่ เล่าเรื่องของความฝันช่วงวัยรุ่นและถูกทำให้มอดดับลงด้วยสิ่งที่เรียกว่าความเป็นจริง
“อย่างน้อยนายก็อายุแค่นี้ ไม่สายหรอก….”
นาอิบหัวเราะเสียงแผ่วในยามใบหน้าประดับสีระเรื่อขณะหยิบหมอนแย่งมากอดอย่างเด็กขาดความอบอุ่น การกอดทำให้รู้สึกปลอดภัย ดังนั้นขณะบ่นสัพเพเหระบนโลกก็มีฐานพิงอีกฝั่งเป็นร่างใหญ่กว่าอย่างหนุ่มในชุดเสื้อคลุมแบบชนเผ่าซึ่งตนไม่คุ้นเคยสีดำหม่นคล้ายชุดปกติ
“ผมจะพยายามเริ่มต้นใหม่นะ อย่างน้อยก็เริ่มมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง”
“ฮื่อ ทางนี้ก็ด้วย” จริงทีเดียวว่าต่างฝ่ายต่างเมาได้ที่ ทว่าไม่มากพอจนเสียสติ สำหรับบางคนแล้วแอลกอฮอลล์คือสิ่งทำให้มึนงง แต่บางครั้งมันคือยาชูกำลังเพื่อเสริมความกล้า จริตและสิ่งกรองพฤติกรรมจะถูกปลดล็อคยามสุราเข้าปาก
นาอิบเองก็เป็นประเภทนั้น โดยเฉพาะนิสัยชอบสงวนท่าทีเริ่มแปรเปลี่ยน จากการพิงเหมือนเห็นอิไลเป็นเพียงวัตถุนุ่มไร้หัวใจก็เริ่มหันมาซุกแทนหมอนใบเดิม กอดเข้าหาราวกับลูกแมวควานหาความอบอุ่น หัวใจของฝ่ายถูกกอดเต้นแรงมากยิ่งด้วยความสนใจในท่วงท่าและแนวคิด
“ฉันน่ะ….ไม่เคยมีคนรักมาก่อน….คิดว่ามันไกลตัวเกินไป....อย่างน้อยนายก็ได้สัมผัสกับมัน” ร่างกายของอีกฝ่ายทั้งอบอุ่นและมั่นคงจนรู้สึกอิจฉาอะไรบางอย่าง ห้วงความคิดเรื่องครอบครัวอย่างรู้กันว่าไกลตัวเกินกว่าทหารรับจ้างอย่างเขาจะเอื้อมถึง
การมีใครสักคนมอบความพิเศษด้วยการทำทุกอย่างหาเงินมาขอแต่งงาน ช่างเป็นความรักแสนทรงพลังซึ่งตนไม่เคยได้สัมผัส
“คุณแค่ไม่กล้าคว้ามันต่างหากครับ ความรักมีพลังมากพอให้เราเสียสละ” มือใหญ่กว่าเลื่อนกุมมือสากกร้านกรำสงครามอย่างอ่อนโยน
“ฉันมีแค่...ความรักครอบครัวหรือเพื่อนเท่านั้นล่ะ…..”
“เอ่อ...แล้วเรื่องจูบกับ--” อิไลเผลอถามออกมาเพราะความเมามาย
“ก็แค่ความสัมพันธ์ทางกาย….ในกองทัพก็แบบนั้น”
อายุไม่ใช่น้อยๆ ก็แค่คู่นอนชั่วคราวเปลี่ยนไปเรื่อย ให้ถูกกว่าคือแค่ถูกคนมีอำนาจกว่าชักชวน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
“แล้ว….ถ้าผมจูบคุณ?....”
“กล้าดีนี่ที่ถามกันแบบนั้น” ฝ่ายรับฟังถึงกับเลิ่กลั่กชั่วขณะกับความกล้าหาญของอดีตทหารกูรข่า ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นหน่วยพิเศษซึ่งมีสมญานามว่าหาญกล้ายิ่งกว่าความกล้าหาญใดๆ แต่แบบนี้มันออกจะ….
ผิดจากที่คิดลิบลับ!
ไม่ใช่แค่คำพูดแต่ฝ่ายตัวเล็กกว่าเริ่มเลื้อยร่างเข้าใกล้ แขนยกขึ้นโอบรอบลำคอแสดงถึงความเอาจริง ท่วงท่าคล้ายคนเมาหากแต่ไม่เมาทำให้อิไลลังเลใจ เขาถูกสอนให้รู้จักการให้เกียรติกันและกัน ดังนั้นไม่ควรฉวยโอกาสคนเมาแม้แต่น้อย
“คุณเมา...นะครับ”
“พูดอะไรบ้าๆ….แค่แก้วเล็กๆไม่ทำให้ฉันเมาขนาดนั้นหรอก แค่รู้สึกว่าอยากจูบนายขึ้นมาบ้าง จูบปลอบไง ไม่ดีเหรอ?”
“ต...แต่….”
“...จูบกับฉันไม่ดีตรงไหน?” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างจริงจัง ดวงตาสีน้ำทะเลส่องประกายออดอ้อนจนชักไม่แน่ใจว่าใครกันแน่กำลังไม่มีสติอยู่
“...ผมไม่อยากฉวยโอกาสคนเมานี่นะ--”
ความหายนะมาเยือนเมื่อเจ้าทหารหนุ่มกลับเมินเสียงปฏิเสธดุจพ่อพระในวันศักดิ์สิทธิ์ทั้งกำลังอ่อยปล่อยตัวยั่วเย้าตามสบาย ชายผู้เลี้ยงนกฮูกลงไปแนบแผ่นหลังชิดกับเตียงนุ่มขณะรองรับน้ำหนักเบาหวิวจากร่างเพรียวได้รูปซึ่งก้มลงมาหา เรือนผมสีน้ำตาลยาวรวบเสยพอมีปอยปรกลงมาหากก้มลง ริมฝีปากระเรื่อจากฤทธิ์น้ำเมาจรดจุมพิตเข้าหา
“....อยากฟังอะไรที่แย่ๆหน่อยไหม?” อัญมณีคู่งามหลุบมองใบหน้าร่างด้านใต้ อยากดึงผ้าปิดตานั้นแต่รอให้เจ้าตัวถอดออกเองเสียมากกว่า
“ครับ….?” อิไลกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“ฉันน่ะเป็นคนแย่...วินาทีแรกที่รู้ว่านายเลิกกับคู่หมั้นแล้ว….ตอนแรกก็รู้สึกผิดอยู่หรอก”
ความในใจค่อยๆพลั่งพลูออกมา ไม่ใช่เพียงเมามายในรสเมรัยใดๆ หากแต่ความปรารถนาลึกล้ำถูกฉุดกระชากจากกำแพงหนาล้ำลึกของทหารรับจ้างผู้มีชีวิตรันทด นาอิบยอมเปิดปากออกมาและฝ่ายได้รับฟังคงไม่พ้นนอนนิ่งด้วยความประหลาดใจเสียเหลือเกิน
“....แต่…..ลึกๆแล้วฉันกลับดีใจ ทีแรกคิดว่าคงแค่อิจฉาคนมีความรักและดีใจเพราะมันจบลง แต่เปล่า….จริงๆฉันก็อิจฉาคู่หมั้นของนายอย่างที่เคยบอกไป”
“....คุณนาอิบ….”
“...จนกระทั่งนายไม่เหลือใคร ฉันแค่คิดว่า...ถ้าหากได้อยู่ด้วยกัน คงจะรู้สึกดีมาก”
อิไลเป็นคนที่เหมาะจะถือสถานะคนรัก ทั้งห่วงใยผู้อื่น รักการปกป้อง มีหัวใจยิ่งใหญ่ที่จะสร้างครอบครัวกับคนแบบเขาผู้หัวใจแหลกสลายกับความจริงน่าชิงชัง เพียงมืออุ่นโอบอุ้มชายผู้พยายามปกป้องผู้อื่น จู่ๆมีใครสักคนก้าวเข้ามาและเลือกจะปกป้องเขาบ้าง
“.....ฉันคิดว่าคงจะตกหลุมรักนายซะแล้วล่ะ….แย่ชะมัด”
เสียงหัวเราะหึเค้นออกจากริมฝีปาก ความเค็มเจือจางจากหยาดฝนในค่ำคืนเหมันต์กาลอยู่ในริมฝีปากของทหารหนุ่ม เหมือนรู้สึกผิดบาปเพราะแอบมีใจให้ชายผู้มีคู่หมั้นแสนรัก พอเขาเลิกกันก็พร้อมจะเข้ามาเป็นตำแหน่งนั้น ไม่ดีเอาเสียเลยทว่าต้องเผลอกล่าวออกไป บรรยากาศทุกอย่างเป็นใจ หากจะบาปคงบาปด้วยตัวของเขาเองเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด
เพียงกลัวว่าเบื้องหลังของความเฉยชาบนใบหน้าทหารหนุ่ม อาจกำลังสาปส่งให้เลิกกันสักคราก็เป็นได้ นาอิบไม่ทราบเช่นกัน ความรู้สึกรักช่างแสนยุ่งยากวุ่นวาย หาความพอดีในชีวิตยากเสมอ อิไลต้องทบทวนสิ่งที่เกิด กระนั้น….ตัวเขาเองไม่ควรถอยห่างเช่นกัน
".....ผมเลิกกับเธอนานแล้ว….แค่เพิ่งบอกคุณ”
มือประดับรอยกรงเล็บนกฮูกขนาดย่อมตามประสาผู้เลี้ยงยกขึ้นเกลี่ยแก้มอุ่นซึ่งหลั่งน้ำตาแห่งความรู้สึกผิดของร่างเบื้องบน ปลอบประโลมให้ทราบว่าไม่มีอะไรต้องกังวล ราวต้นกระบองเพชรได้รับหยาดหยดน้ำชุ่มฉ่ำแม้นเล็กน้อยก็พร้อมเติบโตรอดพ้นในอีกวันต่อไปได้ อิไลกลับมามีความสุขอีกครั้งเพราะนาอิบ
"ผิดไหมถ้าฉันจะดีใจ?"
"ไม่ผิดหรอกครับ...เพราะความจริงก็คือความจริง"
การจมกองน้ำตาจากความผิดหวังจบสิ้นลง สิ่งที่ควรเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปคือวันใหม่และคนใหม่ๆ นาอิบหลุบดวงตาแสนรู้สึกบาปหนา กระนั้นอีกฝ่ายกลับโอบกอดแนบแน่นกว่าเดิม ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องน่าทุกข์ใจอันใด
"ผมกอดคุณได้หรือเปล่า?"
"....ถ้านายไม่รังเกียจกันล่ะก็นะ...."
สิ้นสุดความอดทนและร่างสองร่างก็ไม่สามารถผละถอนจากกันได้ในค่ำคืนนี้
เสื้อผ้าสองรูปแบบแตกต่างปลดออกจากเรือนร่างกองตามพื้นข้างเตียงอย่างระเกะระกะท่ามกลางเสียงจุมพิตเร่าร้อน เรียวลิ้นพันเกี่ยวสัมพันธ์มอบความปรารถนาพร้อมเพียงกับมือสองคู่ต่างลูบไล้เล้าโลมสำรวจกันและกัน
“อิไล…พอถอดผ้าปิดตาแล้วดูดีนี่….”
จูบเนิ่นนานจบลงต่อด้วยเสียงเพรียกหา ความประหลาดใจยามผ้าปิดตานั้นถอดออกจึงทำให้ดวงตาสีน้ำทะเลสะท้อนภาพใบหน้าที่แท้จริงของนักพยากรณ์หนุ่ม ดวงตาทั้งคมเข้มเข้ากับใบหน้าได้รูปขึ้นสันกรามเด่นชัด รอยสักใต้ดวงตาโค้งลงมาลากเส้นจรดพวงแก้ม ปลายนิ้วของทหารหนุ่มไล้พิจารณาอย่างหลงใหล จวบจนฝ่ายปรายมองโดยไร้สิ่งปกปิดขยับยิ้มออกมา
“คุณก็ดูดีเวลาไม่ใส่อะไรเลยล่ะนะครับ”
“ฟังดูลามกชะมัด”
ฝ่ายฟังไม่ใช่เด็กน้อยผู้จะเขินอายกับถ้อยคำทะลึ่งตึงตังอยู่แล้ว เพียงแค่กลั้วหัวเราะในลำคอ ร่างเพรียวเรือนผมยาวปล่อยออกจนระแผ่นหลัง พอมิได้รวบตึงแล้วช่างดูแปลกตาหากแต่ฝ่ายปรายมองด้วยแววตาอยากกลืนกินต่างชื่นชอบยิ่งนัก
“เดี๋ยวจะทำเรื่องที่ลามกกว่านั้นนะครับ”
“ฉันต้องพูดว่าอะไรดีหืม?.....” นาอิบเลิกคิ้วกวนน่าตี เดาะลิ้นพลางทำท่าครุ่นคิด “คนบ้า คนลามก?”
“ดูขัดขืนแบบไม่จริงใจจัง” มือสีเข้มเลื่อนมายังหน้าขาของร่างซึ่งนั่นอยู่ตรงหน้าทั้งคำพูดยังหยอกเอินอยู่
“ก็แน่อยู่แล้ว ถ้าฉันขัดขืน นายคงไม่ได้สัมผัสอะไรทั้งนั้น”
แขนสองข้างประดับรอยแผลเป็นทหารกรำศึกเอื้อมโอบไหล่ ปล่อยร่างกายให้ถูกลูบไล้ตามใจ พร้อมเป็นฝ่ายรองรับความต้องการ ขณะเดียวกันเองก็ตักตวงความหอมหวานด้วยการจูบคืน กัดขบราวลูกแมวเย้าแหย่และแลบเลียริมฝีปากยั่วยวน
ต่อให้เป็นคนใจเย็นแบบอิไล คลาร์ก ถูกกระทำเช่นนั้นย่อมไม่อาจนั่งนิ่งปล่อยเอาไว้ จุมพิตร้อนแรงท่ามกลางเสียงเปียกชื้นน่าอายพร้อมด้วยการโน้มน้ำหนักร่างใหญ่กว่าลงไป เสียงครางพึงใจดังขึ้นยามปลายนิ้วหยอกเย้ากับยอดอก คละเคล้าจังหวะขยับร่างกายและเรียวขายกแยกเชิญชวน
แม้พากันหลับตาเพื่อรับจูบกันและกันก็สัมผัสได้ถึงส่วนกลางของเรือนร่างแข็งขืนตามอารมณ์ปะทุ สัมผัสอย่างบอกให้ทราบว่าต้องการกันและกันเหลือเกิน
“อึก--ตรงนั้น รู้สึกดีจัง--”
ยิ่งบอกให้ทราบยิ่งทำให้ใบหูของฝ่ายกระทำแดงฉ่าด้วยความตื่นเต้น นานมากสำหรับเซ็กซ์ของเขาและด้วยความไม่อยากนอกใจคนรักจึงได้เพียงอดกลั้นและเสร็จสมเพียงลำพัง จนกระทั่งของอร่อยนอนยกสะโพกตามนิ้วที่สอดเข้าไปของเขา หยดน้ำลายหนืดในลำคอยากยิ่งจะกลืนฝืนลงไปในลำคอ
“คุณทำให้ผมแทบบ้า”
มันยังน้อยเกินไปสำหรับการเติมเต็ม นักพยากรณ์หนุ่มเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำมันหอมกลิ่นน้ำผึ้ง หยดเทลงเพิ่มความฉ่ำยังสะโพกประดับรอยแผลและปากทางแคบ ในฤดูหนาวมีเพียงเจ้าสิ่งนี้ช่วยให้ผิวไม่แห้งแตก เพียงแค่การนำมาใช้ทำเรื่องแบบนี้ชักเกินคาดเข้าไปทุกที
“ฉันจะทำให้นายเป็นบ้ากว่าเดิม...ลงโทษนายเรื่องนกฮูกไงล่ะ….”
และยิ่งเกินคาดก็เพราะร่างเพรียวเบื้องล่างแยกขาออกพร้อมใบหน้ายั่วเย้า มือขวาอันว่างเว้นเลื่อนลงมาตามร่องขาและช่วยทำให้หัวใจแทบเต้นแรงจนระเบิดด้วยการสอดปลายนิ้วลึกและขยับมันเข้าออกทั้งเสียงครางกระเส่า
“อ๊ะ--อึ่ก….ดีสุดๆไปเลย”
ดวงตาอันเป็นอิสระจากผ้าปิดตาสะท้อนภาพด้วยความหลงใหลแทบลืมหายใจ จนได้สติคืนกลับมาเพราะมือของทหารหนุ่มเลื่อนออกและยกเท้าขึ้นไล้มายังข้างลำตัวของเขาและใช้นิ้วโป้งไล้ยังกลางอกอย่างท้าทาย หมุนวนราวกับจะหยอกเย้ากับผิวหนังอันขวางกั้นหัวใจของบุรุษวัยรุ่นตอนปลายกับร่างเนื้อของชายวัยสามสิบกว่าปีก่อนจะใช้ปลายเท้านั้นช้อนคางแกล้งหยอก
“เข้ามาสิ….ฉันรอนายมาเติมเต็มอยู่นะ”
“แล้วคุณจะไม่ผิดหวังครับ”
มันอาจจะสากจากบาดแผลแต่ริมฝีปากอันยิ้มแย้มของอิไลกลับก้มลงจูบหลังเท้าราวกับนักพยากรณ์ผู้จงรักภักดีหลังใช้มือข้างซ้ายช้อนลงมา พวกเขาไม่มีวันเปรียบเป็นราชนิกูล อย่างมากคงเป็นอัศวินหนุ่มกับผู้สนับสนุนเบื้องหลัง เพียงแค่ในโลกสงครามอันไร้จุดสิ้นสุดยังคงมีกันและกัน ส่งมอบพลังและขวัญกำลังใจไม่เสื่อมคลาย
“อ๊ะ--- ฮึก!”
ต่อจากนี้สิ่งที่เกิดรวดเร็วจากการกระตุ้นสัญชาตญาณภายในใจของชายผู้ใจเย็นยะเยือกดุจธารน้ำในเดือนธันวาคม ส่วนชุ่มฉ่ำและเร่าร้อนถูกเติมเต็มด้วยแก่นกายอันเต็มอิ่มด้วยแรงปรารถนา ขยับเข้าออกอย่างยากอดกลั้นจนเสียงครางของฝ่ายถูกขย่มร่างดังไม่ขาดสาย
“ตรงนี้ร้อนมากเลยครับ อึก-- ข้างในตัวคุณสุดยอดไปเลย”
“ขยับอีกสิ--อ๊า! ลึกจัง~”
คำพูดแสนตรงไปตรงมาซึ่งไม่มีโอกาสได้ฟังหากสติยังครบ เมื่อจำความได้ยามตื่นคงน่าอายไม่น้อย ทว่าต่างฝ่ายต่างไม่รู้ตัว ทั้งการกระทำและคำพูดต่างก่อกำเนิด ขับเคลื่อนด้วยแรงปรารถนาจนเตียงขยับส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด พลั่งพร้อมด้วยร่างกายกอดเกี่ยว กระแทกกระทั้นอย่างไม่หมดเรี่ยวแรงง่ายดาย
“คุณเซ็กซี่จัง”
“นายก็ลีลาเก่งใช้ได้นี่”
ท่วงท่าเปลี่ยนแปลงทั้งการยกเรียวขาขึ้นกระแทกกายเข้าหา ฟังเสียงครางในลำคอสุดเร้าใจพร้อมปรายมองใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยห้วงอารมณ์ของนาอิบ หลายสิ่งในค่ำคืนคาดว่าคงทำให้เขาเปี่ยมสุขจนไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกออกมาอย่างไรให้ครบถ้วน
“อึก---จะไม่ไหวแล้ว อ๊า--!”
“อ๊ะ--!”
ของเหลวปลดปล่อยทั้งภายในช่องทางชุ่มฉ่ำและหน้าท้องประดับมัดกล้ามพอเหมาะ เสียงทุ้มหอบหายใจด้วยห้วงอารมณ์สิ้นสุดพร้อมร่างขยับแนบกอดเข้าหา ยังอาจไม่เพียงพอสำหรับเซ็กซ์เพียงรอบเดียว กระนั้นมีเวลาให้อิไลโน้มใบหน้าลงจูบข้างแก้มระเรื่อและรับการคลอเคลียของร่างเล็กกว่าคืนบ้าง ความรู้สึกว่างเปล่าถูกเติมเต็มกันและกัน
“ขอบคุณ...ที่เป็นเป้าหมายใหม่ในชีวิตของผมนะครับ….คุณนาอิบ”
“....ทำเอารู้สึกสำคัญตัวผิดเชียว….” เสียงเจือปนหอบของฝ่ายรับฟังดังเนือยๆ
“ผมไม่มีเซ็กซ์กับคนที่ไม่ได้ชอบหรอก”
“เอ๊ะ?”
รอยยิ้มของอิไลในระยะประชิดขณะที่อีกฝ่ายเลื่อนตัวเองคร่อมกายของเขาอยู่ จวบจนเสียงทุ้มกระซิบข้างใบหู ยืนยันถึงความสัมพันธ์อันไม่จบลงเพียงคู่นอนรายคืน
“ผมสนใจคุณมานาน….ถ้าหากไม่รังเกียจ จะลองรักผมในฐานะคนรักได้หรือเปล่าล่ะ?”
“........”
อะไรรวดเร็วเกินไปจนนาอิบ ซูบีดาร์แทบหัวหมุน ตั้งแต่รู้ว่าอีกฝ่ายเลิกกับคู่หมั้นได้ไม่นาน พอตกกลางคืนดื่มแล้วมีเซ็กซ์ด้วยกัน เขาเผลอสารภาพว่าแอบชอบและรอให้เลิกกันอยู่ พอตอนนี้กลายเป็นว่าอิไลจะมาขอเขาคบอีก ถึงจะเป็นไปได้แต่ใช่ว่าจะตั้งตัวทันเสียทีเดียว
“ผมคิดเอาไว้นานแล้วล่ะ..แค่ดีใจไปหน่อยที่คุณเพิ่งมาบอกชอบผม”
“....ทั้งที่กว่านายจะได้ใช้นกฮูกตอนลงเกมล่าก็กินเวลาตั้งนาน….แต่พอเรื่องแบบนี้ไวจัง”
นาอิบแค่พยายามหาประเด็นอื่นมาคุยกลบความเขินอาย เพียงแค่มันไม่มิดจนจับไม่ได้ก็เท่านั้น ใบหน้าระเรื่อเบือนหลบสายตา ไม่รู้จะหนีไปทางไหนเพราะถูกกักขังไว้ด้วยร่างอันคร่อมทับ
“อย่างน้อยก็เสร็จช้านิดหน่อย แล้วก็คงไม่ให้นอนง่ายๆหรอกนะครับ”
“ดุว่าลามกตอนนี้ยังทันไหม?”
แม้ปากจะดุว่า แต่สะโพกกลับขยับเข้าหาหยอกเย้าเล็กน้อยเป็นการลองเชิง ยิ่งทำให้อิไลหัวเราะในลำคออย่างเด็กถูกตามใจ
“เชิญว่าผมตามสบายนะ เพราะผมไม่หยุดหรอก”
“อ๊ะ--”
จำไม่ได้ว่าพวกเขาหลับนอนกันไปช่วงเวลาใดในค่ำคืน เพียงแค่ตื่นเช้ามาก็คงสภาพกอดก่ายแทบจะรวมหลอมร่างเป็นหนึ่งเดียว นกฮูกกลมอ้วนบินกลับมาแล้วก่อนใช้ความชาญฉลาดดันตัวเองเข้าหน้าต่างเล็กซึ่งเจาะไว้สำหรับมัน
‘ฮูก!’
ดวงตากลมโตของมันสะท้อนภาพของสองร่างนอนกอดกันใต้ผ้าห่ม แม้แสงอ่อนยามเช้าเล็ดรอดเข้ามายังไม่ได้ทำให้เจ้านายหนุ่มกับอีกคนตื่นขึ้น มันบินมาเกาะยังคอนพักพิงตามเดิม ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนอกจากแขกผู้มาเยือน
และมันคงรู้สึกประหลาดใจกับรอยยิ้มบนใบหน้าอันเปี่ยมสุขของนายหนุ่มตนเอง ช่างเป็นช่วงเวลาหายากหลังจากเข้าสู่คฤหาสน์แห่งนี้
‘แย่ล่ะสิ….ซ่อนจากหมอนั่นไม่ได้อีกแล้ว’
ร่างเพรียวสะลึมสะลือขณะนอนซุกกอดงัวเงียในช่วงสาย สิ่งแรกที่จู่โจมห้วงความคิดคือเรื่องที่ตนพยายามปกปิดการแสดงความชอบต่ออิไล
ขณะเดียวกันก็ยากจะปกปิดการกระทำต่างๆเบื้องหน้าเจ้านกฮูกอ้วนกลม ทว่าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร ถือเสียว่าครั้งหน้าลงเกมล่า หากจะแอบดูก็จงดูเสียเถิด เขาจะเป็นคนรักที่อยู่ด้วยกันได้อย่างแน่นอน
+END+
ทีแรกจะเขียนสั้นๆ แต่พาลากยาวอีกแล้วฮาาาาา ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
สิ้นสุดความอดทนและร่างสองร่างก็ไม่สามารถผละถอนจากกันได้ในค่ำคืนนี้
เสื้อผ้าสองรูปแบบแตกต่างปลดออกจากเรือนร่างกองตามพื้นข้างเตียงอย่างระเกะระกะท่ามกลางเสียงจุมพิตเร่าร้อน เรียวลิ้นพันเกี่ยวสัมพันธ์มอบความปรารถนาพร้อมเพียงกับมือสองคู่ต่างลูบไล้เล้าโลมสำรวจกันและกัน
“อิไล…พอถอดผ้าปิดตาแล้วดูดีนี่….”
จูบเนิ่นนานจบลงต่อด้วยเสียงเพรียกหา ความประหลาดใจยามผ้าปิดตานั้นถอดออกจึงทำให้ดวงตาสีน้ำทะเลสะท้อนภาพใบหน้าที่แท้จริงของนักพยากรณ์หนุ่ม ดวงตาทั้งคมเข้มเข้ากับใบหน้าได้รูปขึ้นสันกรามเด่นชัด รอยสักใต้ดวงตาโค้งลงมาลากเส้นจรดพวงแก้ม ปลายนิ้วของทหารหนุ่มไล้พิจารณาอย่างหลงใหล จวบจนฝ่ายปรายมองโดยไร้สิ่งปกปิดขยับยิ้มออกมา
“คุณก็ดูดีเวลาไม่ใส่อะไรเลยล่ะนะครับ”
“ฟังดูลามกชะมัด”
ฝ่ายฟังไม่ใช่เด็กน้อยผู้จะเขินอายกับถ้อยคำทะลึ่งตึงตังอยู่แล้ว เพียงแค่กลั้วหัวเราะในลำคอ ร่างเพรียวเรือนผมยาวปล่อยออกจนระแผ่นหลัง พอมิได้รวบตึงแล้วช่างดูแปลกตาหากแต่ฝ่ายปรายมองด้วยแววตาอยากกลืนกินต่างชื่นชอบยิ่งนัก
“เดี๋ยวจะทำเรื่องที่ลามกกว่านั้นนะครับ”
“ฉันต้องพูดว่าอะไรดีหืม?.....” นาอิบเลิกคิ้วกวนน่าตี เดาะลิ้นพลางทำท่าครุ่นคิด “คนบ้า คนลามก?”
“ดูขัดขืนแบบไม่จริงใจจัง” มือสีเข้มเลื่อนมายังหน้าขาของร่างซึ่งนั่นอยู่ตรงหน้าทั้งคำพูดยังหยอกเอินอยู่
“ก็แน่อยู่แล้ว ถ้าฉันขัดขืน นายคงไม่ได้สัมผัสอะไรทั้งนั้น”
แขนสองข้างประดับรอยแผลเป็นทหารกรำศึกเอื้อมโอบไหล่ ปล่อยร่างกายให้ถูกลูบไล้ตามใจ พร้อมเป็นฝ่ายรองรับความต้องการ ขณะเดียวกันเองก็ตักตวงความหอมหวานด้วยการจูบคืน กัดขบราวลูกแมวเย้าแหย่และแลบเลียริมฝีปากยั่วยวน
ต่อให้เป็นคนใจเย็นแบบอิไล คลาร์ก ถูกกระทำเช่นนั้นย่อมไม่อาจนั่งนิ่งปล่อยเอาไว้ จุมพิตร้อนแรงท่ามกลางเสียงเปียกชื้นน่าอายพร้อมด้วยการโน้มน้ำหนักร่างใหญ่กว่าลงไป เสียงครางพึงใจดังขึ้นยามปลายนิ้วหยอกเย้ากับยอดอก คละเคล้าจังหวะขยับร่างกายและเรียวขายกแยกเชิญชวน
แม้พากันหลับตาเพื่อรับจูบกันและกันก็สัมผัสได้ถึงส่วนกลางของเรือนร่างแข็งขืนตามอารมณ์ปะทุ สัมผัสอย่างบอกให้ทราบว่าต้องการกันและกันเหลือเกิน
“อึก--ตรงนั้น รู้สึกดีจัง--”
ยิ่งบอกให้ทราบยิ่งทำให้ใบหูของฝ่ายกระทำแดงฉ่าด้วยความตื่นเต้น นานมากสำหรับเซ็กซ์ของเขาและด้วยความไม่อยากนอกใจคนรักจึงได้เพียงอดกลั้นและเสร็จสมเพียงลำพัง จนกระทั่งของอร่อยนอนยกสะโพกตามนิ้วที่สอดเข้าไปของเขา หยดน้ำลายหนืดในลำคอยากยิ่งจะกลืนฝืนลงไปในลำคอ
“คุณทำให้ผมแทบบ้า”
มันยังน้อยเกินไปสำหรับการเติมเต็ม นักพยากรณ์หนุ่มเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำมันหอมกลิ่นน้ำผึ้ง หยดเทลงเพิ่มความฉ่ำยังสะโพกประดับรอยแผลและปากทางแคบ ในฤดูหนาวมีเพียงเจ้าสิ่งนี้ช่วยให้ผิวไม่แห้งแตก เพียงแค่การนำมาใช้ทำเรื่องแบบนี้ชักเกินคาดเข้าไปทุกที
“ฉันจะทำให้นายเป็นบ้ากว่าเดิม...ลงโทษนายเรื่องนกฮูกไงล่ะ….”
และยิ่งเกินคาดก็เพราะร่างเพรียวเบื้องล่างแยกขาออกพร้อมใบหน้ายั่วเย้า มือขวาอันว่างเว้นเลื่อนลงมาตามร่องขาและช่วยทำให้หัวใจแทบเต้นแรงจนระเบิดด้วยการสอดปลายนิ้วลึกและขยับมันเข้าออกทั้งเสียงครางกระเส่า
“อ๊ะ--อึ่ก….ดีสุดๆไปเลย”
ดวงตาอันเป็นอิสระจากผ้าปิดตาสะท้อนภาพด้วยความหลงใหลแทบลืมหายใจ จนได้สติคืนกลับมาเพราะมือของทหารหนุ่มเลื่อนออกและยกเท้าขึ้นไล้มายังข้างลำตัวของเขาและใช้นิ้วโป้งไล้ยังกลางอกอย่างท้าทาย หมุนวนราวกับจะหยอกเย้ากับผิวหนังอันขวางกั้นหัวใจของบุรุษวัยรุ่นตอนปลายกับร่างเนื้อของชายวัยสามสิบกว่าปีก่อนจะใช้ปลายเท้านั้นช้อนคางแกล้งหยอก
“เข้ามาสิ….ฉันรอนายมาเติมเต็มอยู่นะ”
“แล้วคุณจะไม่ผิดหวังครับ”
มันอาจจะสากจากบาดแผลแต่ริมฝีปากอันยิ้มแย้มของอิไลกลับก้มลงจูบหลังเท้าราวกับนักพยากรณ์ผู้จงรักภักดีหลังใช้มือข้างซ้ายช้อนลงมา พวกเขาไม่มีวันเปรียบเป็นราชนิกูล อย่างมากคงเป็นอัศวินหนุ่มกับผู้สนับสนุนเบื้องหลัง เพียงแค่ในโลกสงครามอันไร้จุดสิ้นสุดยังคงมีกันและกัน ส่งมอบพลังและขวัญกำลังใจไม่เสื่อมคลาย
“อ๊ะ--- ฮึก!”
ต่อจากนี้สิ่งที่เกิดรวดเร็วจากการกระตุ้นสัญชาตญาณภายในใจของชายผู้ใจเย็นยะเยือกดุจธารน้ำในเดือนธันวาคม ส่วนชุ่มฉ่ำและเร่าร้อนถูกเติมเต็มด้วยแก่นกายอันเต็มอิ่มด้วยแรงปรารถนา ขยับเข้าออกอย่างยากอดกลั้นจนเสียงครางของฝ่ายถูกขย่มร่างดังไม่ขาดสาย
“ตรงนี้ร้อนมากเลยครับ อึก-- ข้างในตัวคุณสุดยอดไปเลย”
“ขยับอีกสิ--อ๊า! ลึกจัง~”
คำพูดแสนตรงไปตรงมาซึ่งไม่มีโอกาสได้ฟังหากสติยังครบ เมื่อจำความได้ยามตื่นคงน่าอายไม่น้อย ทว่าต่างฝ่ายต่างไม่รู้ตัว ทั้งการกระทำและคำพูดต่างก่อกำเนิด ขับเคลื่อนด้วยแรงปรารถนาจนเตียงขยับส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด พลั่งพร้อมด้วยร่างกายกอดเกี่ยว กระแทกกระทั้นอย่างไม่หมดเรี่ยวแรงง่ายดาย
“คุณเซ็กซี่จัง”
“นายก็ลีลาเก่งใช้ได้นี่”
ท่วงท่าเปลี่ยนแปลงทั้งการยกเรียวขาขึ้นกระแทกกายเข้าหา ฟังเสียงครางในลำคอสุดเร้าใจพร้อมปรายมองใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยห้วงอารมณ์ของนาอิบ หลายสิ่งในค่ำคืนคาดว่าคงทำให้เขาเปี่ยมสุขจนไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกออกมาอย่างไรให้ครบถ้วน
“อึก---จะไม่ไหวแล้ว อ๊า--!”
“อ๊ะ--!”
ของเหลวปลดปล่อยทั้งภายในช่องทางชุ่มฉ่ำและหน้าท้องประดับมัดกล้ามพอเหมาะ เสียงทุ้มหอบหายใจด้วยห้วงอารมณ์สิ้นสุดพร้อมร่างขยับแนบกอดเข้าหา ยังอาจไม่เพียงพอสำหรับเซ็กซ์เพียงรอบเดียว กระนั้นมีเวลาให้อิไลโน้มใบหน้าลงจูบข้างแก้มระเรื่อและรับการคลอเคลียของร่างเล็กกว่าคืนบ้าง ความรู้สึกว่างเปล่าถูกเติมเต็มกันและกัน
“ขอบคุณ...ที่เป็นเป้าหมายใหม่ในชีวิตของผมนะครับ….คุณนาอิบ”
“....ทำเอารู้สึกสำคัญตัวผิดเชียว….” เสียงเจือปนหอบของฝ่ายรับฟังดังเนือยๆ
“ผมไม่มีเซ็กซ์กับคนที่ไม่ได้ชอบหรอก”
“เอ๊ะ?”
รอยยิ้มของอิไลในระยะประชิดขณะที่อีกฝ่ายเลื่อนตัวเองคร่อมกายของเขาอยู่ จวบจนเสียงทุ้มกระซิบข้างใบหู ยืนยันถึงความสัมพันธ์อันไม่จบลงเพียงคู่นอนรายคืน
“ผมสนใจคุณมานาน….ถ้าหากไม่รังเกียจ จะลองรักผมในฐานะคนรักได้หรือเปล่าล่ะ?”
“........”
อะไรรวดเร็วเกินไปจนนาอิบ ซูบีดาร์แทบหัวหมุน ตั้งแต่รู้ว่าอีกฝ่ายเลิกกับคู่หมั้นได้ไม่นาน พอตกกลางคืนดื่มแล้วมีเซ็กซ์ด้วยกัน เขาเผลอสารภาพว่าแอบชอบและรอให้เลิกกันอยู่ พอตอนนี้กลายเป็นว่าอิไลจะมาขอเขาคบอีก ถึงจะเป็นไปได้แต่ใช่ว่าจะตั้งตัวทันเสียทีเดียว
“ผมคิดเอาไว้นานแล้วล่ะ..แค่ดีใจไปหน่อยที่คุณเพิ่งมาบอกชอบผม”
“....ทั้งที่กว่านายจะได้ใช้นกฮูกตอนลงเกมล่าก็กินเวลาตั้งนาน….แต่พอเรื่องแบบนี้ไวจัง”
นาอิบแค่พยายามหาประเด็นอื่นมาคุยกลบความเขินอาย เพียงแค่มันไม่มิดจนจับไม่ได้ก็เท่านั้น ใบหน้าระเรื่อเบือนหลบสายตา ไม่รู้จะหนีไปทางไหนเพราะถูกกักขังไว้ด้วยร่างอันคร่อมทับ
“อย่างน้อยก็เสร็จช้านิดหน่อย แล้วก็คงไม่ให้นอนง่ายๆหรอกนะครับ”
“ดุว่าลามกตอนนี้ยังทันไหม?”
แม้ปากจะดุว่า แต่สะโพกกลับขยับเข้าหาหยอกเย้าเล็กน้อยเป็นการลองเชิง ยิ่งทำให้อิไลหัวเราะในลำคออย่างเด็กถูกตามใจ
“เชิญว่าผมตามสบายนะ เพราะผมไม่หยุดหรอก”
“อ๊ะ--”
จำไม่ได้ว่าพวกเขาหลับนอนกันไปช่วงเวลาใดในค่ำคืน เพียงแค่ตื่นเช้ามาก็คงสภาพกอดก่ายแทบจะรวมหลอมร่างเป็นหนึ่งเดียว นกฮูกกลมอ้วนบินกลับมาแล้วก่อนใช้ความชาญฉลาดดันตัวเองเข้าหน้าต่างเล็กซึ่งเจาะไว้สำหรับมัน
‘ฮูก!’
ดวงตากลมโตของมันสะท้อนภาพของสองร่างนอนกอดกันใต้ผ้าห่ม แม้แสงอ่อนยามเช้าเล็ดรอดเข้ามายังไม่ได้ทำให้เจ้านายหนุ่มกับอีกคนตื่นขึ้น มันบินมาเกาะยังคอนพักพิงตามเดิม ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนอกจากแขกผู้มาเยือน
และมันคงรู้สึกประหลาดใจกับรอยยิ้มบนใบหน้าอันเปี่ยมสุขของนายหนุ่มตนเอง ช่างเป็นช่วงเวลาหายากหลังจากเข้าสู่คฤหาสน์แห่งนี้
‘แย่ล่ะสิ….ซ่อนจากหมอนั่นไม่ได้อีกแล้ว’
ร่างเพรียวสะลึมสะลือขณะนอนซุกกอดงัวเงียในช่วงสาย สิ่งแรกที่จู่โจมห้วงความคิดคือเรื่องที่ตนพยายามปกปิดการแสดงความชอบต่ออิไล
ขณะเดียวกันก็ยากจะปกปิดการกระทำต่างๆเบื้องหน้าเจ้านกฮูกอ้วนกลม ทว่าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร ถือเสียว่าครั้งหน้าลงเกมล่า หากจะแอบดูก็จงดูเสียเถิด เขาจะเป็นคนรักที่อยู่ด้วยกันได้อย่างแน่นอน
+END+
ทีแรกจะเขียนสั้นๆ แต่พาลากยาวอีกแล้วฮาาาาา ขอบคุณที่ติดตามนะครับ